แมนซิตี้ พบ แมนยู การวางแผนและการปรับเปลี่ยนแท็คติกของ เอริก เทน ฮาก กับ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะการนำเสนอระบบการเล่น 4-2-4-0 ที่ไม่เน้นกองหน้าตัวเป้าแบบดั้งเดิม แต่ใช้ระบบการเล่นที่ยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนไปยัง 4-4-2, 4-6-0, หรือแม้แต่ 6-4-0 ตามสถานการณ์ในเกม การใช้ผู้เล่นอย่าง สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ และ บรูโน แฟร์นันเดส ในบทบาทต่างๆ รวมถึงการมี มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อเลฮานโดร การ์นาโช เล่นเป็นปีก ทำให้แมนยูมีความยืดหยุ่นในการโจมตีและการป้องกัน
อย่างไรก็ตาม การจัดระเบียบและความเข้มแข็งในการเล่นเกมรับเป็นสิ่งที่เทน ฮากให้ความสำคัญอย่างมาก พยายามปิดพื้นที่ตรงกลางและฮาล์ฟสเปซ เพื่อบีบบังคับให้คู่ต่อสู้ต้องเล่นไปตามริมเส้นมากกว่าการโจมตีทะลุตรงกลาง แต่ในเกมกับทีมอย่างแมนซิตี้ ที่มีการเล่นที่หลากหลายและรวดเร็ว การป้องกันของแมนยูก็พบกับความท้าทายอย่างมาก และในครึ่งหลัง ความเหนื่อยล้าและการเปิดช่องว่างเพิ่มขึ้นทำให้พวกเขาเสียประตูไปหลายลูก
การเปลี่ยนตัวผู้เล่นในครึ่งหลังโดยเทน ฮาก พยายามจะปรับเปลี่ยนสถานการณ์ของเกม แต่กลับทำให้เกิดช่องว่างและจุดอ่อนที่คู่ต่อสู้สามารถใช้ประโยชน์ได้ นี่เป็นหนึ่งในการเรียนรู้สำหรับเทน ฮากในการจัดการกับทีมในระดับสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ
ด้านเป๊ป กวาร์ดิโอลา และทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยระบบการเล่น 3-2-4-1 พวกเขาเน้นการควบคุมเกมและการโจมตีที่หลากหลาย การเปลี่ยนแปลงในครึ่งหลังทำให้พวกเขาสามารถเจาะเข้าไปในพื้นที่ความอ่อนแอของแมนยูได้ โดยเฉพาะจากฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมของ ฟิล โฟเดน ที่สามารถทำประตูได้ และช่วยให้ทีมคว้าชัยชนะในเกมนี้
สถานการณ์ปัจจุบันของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากพ่ายแพ้ในเกมดาร์บี้ ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับความเป็นไปได้ในการทำลายสถิติการแพ้ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ โดยมีการแพ้ไปแล้ว 11 เกม และหากพวกเขาแพ้เพิ่มอีก สถิติการแพ้ในฤดูกาลเดียวอาจจะถูกทำลาย การวิเคราะห์นี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่ เอริก เทน ฮาก และทีมงานต้องเผชิญในการพาทีมกลับมาอยู่ในเส้นทางของความสำเร็จและการปรับปรุงผลการแข่งขันในอนาคต.